คำตอบคือ "ใช่"
นายจ้างที่จ้างแรงงานต่างด้าวในประเทศไทยมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องแจ้งแรงงานเข้าระบบประกันสังคม หากแรงงานนั้นทำงานอย่างถูกกฎหมายและมีใบอนุญาตทำงาน (Work Permit)
เหตุผลที่นายจ้างต้องแจ้งเข้าประกันสังคมแรงงานต่างด้าว
-
ข้อกำหนดของกฎหมาย
- ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 และกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง นายจ้างมีหน้าที่แจ้งข้อมูลแรงงานต่อสำนักงานประกันสังคมภายใน 30 วัน นับจากวันที่ลูกจ้างเริ่มทำงาน
-
สิทธิที่เท่าเทียมกับแรงงานไทย
- แรงงานต่างด้าวที่เข้าระบบประกันสังคมจะได้รับสิทธิ เช่น การรักษาพยาบาล การคลอดบุตร การชดเชยรายได้ในกรณีเจ็บป่วยหรือชราภาพ
-
หลีกเลี่ยงบทลงโทษทางกฎหมาย
- หากนายจ้างไม่แจ้งแรงงานเข้าประกันสังคม อาจถูกปรับสูงสุด 20,000 บาทต่อแรงงานหนึ่งคน
ขั้นตอนการยื่นประกันสังคมสำหรับแรงงานต่างด้าว
-
ขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน
- นายจ้างต้องแจ้งขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวที่สำนักงานประกันสังคมในพื้นที่ ภายใน 30 วันหลังเริ่มทำงาน
-
เอกสารที่ใช้
- แบบขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน (แบบ สปส. 1-03)
- สำเนาเอกสารแรงงาน เช่น หนังสือเดินทาง, ใบอนุญาตทำงาน, บัตรสีชมพู
- สำเนาบัตรประชาชนนายจ้าง หรือหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท
-
การส่งเงินสมทบ
- หักจากค่าจ้างแรงงานต่างด้าว 5%
- นายจ้างสมทบ 5%
- รัฐบาลสมทบ 2.75%
-
การรับสิทธิประโยชน์
- แรงงานสามารถใช้สิทธิได้ทันทีหลังการส่งเงินสมทบ เช่น การรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลที่เลือก
สิทธิประโยชน์ที่แรงงานต่างด้าวจะได้รับ
-
เจ็บป่วย
- รักษาพยาบาลฟรีในโรงพยาบาลตามที่เลือก
- ครอบคลุมค่าห้อง ค่าอาหาร และค่ายา
-
คลอดบุตร
- เงินค่าคลอดบุตร 15,000 บาทต่อครั้ง (ไม่เกิน 2 ครั้ง)
- เงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อคลอดบุตร
-
ทุพพลภาพ
- การรักษาพยาบาลและเงินทดแทนรายเดือน
-
เสียชีวิต
- เงินค่าทำศพและเงินสงเคราะห์ครอบครัว
-
สงเคราะห์บุตร
- เงินสงเคราะห์บุตรเดือนละ 800 บาท (ไม่เกิน 3 คน)
-
ชราภาพ
- เงินบำนาญหรือเงินบำเหน็จชราภาพ
-
ว่างงาน
- เงินชดเชยกรณีลาออกหรือถูกเลิกจ้าง
ข้อควรทราบเพิ่มเติม
- แรงงานต้องส่งเงินสมทบต่อเนื่องตามกฎหมายเพื่อไม่ให้เสียสิทธิ
- นายจ้างควรตรวจสอบข้อมูลและส่งเอกสารให้ครบถ้วนเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมาย
การปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้นอกจากจะเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายแล้วยังช่วยสร้างสวัสดิการที่ดีให้แก่แรงงานและลดความเสี่ยงต่อนายจ้างเอง.